หลวงปู่มีชัย กามฉินโท

หลวงปู่มีชัย ท่านเป็นคนอารมณ์ดี พูดน้อย ท่านจะไม่มีอิริยาบทนอน คือ ใช้วิธีนั่งหลับ (ก่อนจะเล่าต่อไป ขออกตัวก่อนว่า ใช้ศัพท์พระไม่ค่อยเป็น อาจผิดบ้างถูกมั่งต้องขออภัย) ฉันอาหารเจ ฉันมื้อเดียว ตื่นนอนแต่เช้า ตีสาม ท่านบอกว่า ถ้าทำสมาธิลึกๆ หลับจริงๆ วันละครึ่งชั่วโมงก็อิ่มแล้ว อืมมม ท่านเคยนั่งสมาธิ 7วัน 15 วัน โดยไม่นอน ไม่ฉัน ติดต่อกัน (ไม่รู้เขาเรียกอะไร) แต่เวลาท่านสอนลูกศิษย์ ท่านบอกว่า นั่งสมาธิ ไม่ต้องนั่งนานหรอก ถ้าเดินจงกรม 1 ชั่วโมงให้มานั่งพิจารณา 15 นาที แล้วไปเดินใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือ ถ้าใช้ชีวิตประจำวันปกติ ก็ให้มีสติตลอด พยายามให้จิตมาอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด อย่าให้ไปไหนไกล

ท่านเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ ท่านบอกว่าเคยเป็นเด็กวัด วัดบูรพาราม แล้วก่อนท่านบวชเคยเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดูลย์เคยเมตตาไปงานศพของโยมพ่อ ของหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่าหลวงปู่ดูลย์กับหลวงปู่สามจะสนิทกันมาก แค่คนไม่ค่อยรู้จักหลวงปู่สามดี เพราะท่านไปอยู่ในป่าเสียมากกว่า ส่วนหลวงปู่ดูลย์ท่านอยู่ในเมือง เคยถามหลวงปู่มีชัยว่า หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนเรื่องอะไรบ้าง หลวงปู่บอกว่า ท่านเน้นเรื่องสติอย่างเดียวเลย (ตอบมาสั้นๆ อย่างนี้)

หลวงปู่มีชัยท่านใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำมาประมาณ 17-18 ปี ถ้ำที่ท่านอยู่นานที่สุดคือ ถ้ำกระแชง ในนั้นมีเขาชื่อ เขาหิมะพานต์ (หลวงปู่เอามาตั้งชื่อวัดที่ปีนัง ที่ท่านสร้างไว้) ในถ้ำนั้นมีสิ่งแปลกประหลาดมากมาย โล๊กเซี่ยเคยเล่าว่าหลวงปู่เคยบอกว่าถ้ำระแวกนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นที่ๆพระพุทธเจ้าและพระสาวก มาปฏิบัติภาวนากัน ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะกลับไปตรัสรู้ โล๊กเซี่ยเล่าว่า มีอยู่วันหนึ่งเค้าเดินไปสำรวจบริเวณถ้ำ แล้วอยู่ดีๆ ถ้ำที่เคยเห็นทุกวัน กลับกลายเป็นคล้ายๆ เหวลงไป แล้วผนังถ้ำจะเป็นถ้ำเล็กๆ แต่ละถ้ำจะเป็นที่นั่งภาวนาของพระอริยสงฆ์ แต่ละถ้ำจะมีพระธาตุประจำถ้ำ แล้วแต่ละถ้ำจะติดผนังถ้ำ เวลาเดินไปแต่ละถ้ำเหมือนกับมองลงเหว แต่เขาแปลกใจว่าทำไมเขาถึงข้ามไปได้ เขาไปแต่ละถ้ำเก็บพระธาตุที่ประจำแต่ละถ้ำมาด้วย มีพระธาตุพระสิวลี พระโมคลาน์ พระสารีบุตร และอีกหลายๆ พระธาตุ โล๊กเซี่ยบอกว่าหลวงปู่บอกว่าตรงนั้นเขาเรียกป่าหิมะพานต์ มีทั้งพระอรหันต์ คนธรรพ์ เทวดา นางฟ้า และอีกมากมาย (จำไม่ได้หมด) โล๊กเสี่ยบอกว่าเขาตื่นเต้นมากแล้วเค้าพาภรรยาของเค้ามาอยากให้เห็นเหมือนที่เขาเห็น แต่คราวนี้ไป กลับกลายเป็นเถาวัลย์ปกคลุมไปทั่ว ต่างกับวันนั้นที่เขาเห็นมาก เช่นเดียว กับพี่กวย พี่กวยเคยเห็นหินงอกออกมาคล้ายๆ คน หลวงปู่บอกว่าเป็นพระอรหันต์ท่านทิ้งร่างไว้ วันต่อมาพี่กวยพาภรรยามาเพื่อจะไปดูอีก แต่ปรากฏว่าหายไปแล้ว หลวงปู่เลยบอกว่า ของพวกนี้เขาตั้งใจให้ดูเป็นคนๆ ไป ไม่ใช่ให้ทุกคนไปดูทุกคนเลยเข้าใจ

พี่กวยเคยบอกว่า ถ้าอยู่กับหลวงปู่ ลองถามเรื่องธรรมะสิ หลวงปู่จะอ้างอิงไปถึงสมัยพระพุทธเจ้า เล่าได้เป็นฉากๆ เลย พี่กวยบอกว่าหลวงปู่ไม่ได้ใช้วิธีจำจากพระไตรปิฏกแต่น่าจะมีญาณอะไรดู (อิอิ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ)

หลวงปู่เคยให้คาถาแก้วสารพัดนึกมา ท่านบอกว่า พระธุดงค์ ไม่ใช่จะปลอดภัยทุกรูปนะ มีตายจากสัตว์ร้าย สิ่งไม่ดีต่างๆ ในป่า มีจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตไป หลวงปู่บอกว่าคาถานี้หลวงปู่ท่องทุกวันตอนอยู่ในถ้ำ ป้องกันสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ หรือสิ่งที่จะมาทำร้ายเรา พี่หมวยก็เคยเล่าว่า (พี่หมวยกับสามีเคยไปปฏิบัติ หลวงปู่อยู่บนถ้ำ) ตอนนี้ถ้ำปิดแล้วเพราะไม่มีหลวงปู่อยู่ มีงูเยอะ งูใหญ่งูมีพิษเยอะ ไม่มีใครกล้าเข้าไป พูดถึงงู เคยมีงูใหญ่ตามหลวงปู่มาที่วัดที่ปีนัง มานอนอยู่บนเบาะที่หลวงปู่ใช้นั่ง ทุกคนตกใจ กำลังจะไล่ไป พอหลวงปู่มาเห็นหลวงปู่บอกว่า อย่าไปทำร้ายเขา เขามาดี เขาตามหลวงปู่มาจากบนเขา แล้วหลวงปู่หันไปพูดกับงูว่า กลับไปเถอะ อย่ามาที่นี่เลย คนเค้ากลัว เค้าจะทำร้ายเอา อีกแป๊ปงูเลื้อยลงจากเบาะหลวงปู่ หายเข้าไปในป่าเลย หลวงปู่บอกว่า พวกงูพวกนี้เขาปฏิบัติเหมือนคนแหละ เขาจะไปภาวนาในถ้ำ ถ้าเจออีกอย่าทำร้ายเขานะ แต่ไม่นานก็มีงูใหญ่อีกตัวมาที่วัดที่ปีนังอีก ตอนนี้ไปอยู่บนต้นไม้ หลวงปู่ให้กลับไม่ยอมกลับ จะห้อยตัวบนต้นไม้ แต่หลวงปู่สั่งคนแถวนั้นว่าห้ามไปทำร้ายงูตัวนั้น ตอนหลวงปู่จะออกจากวัดเพื่อไปรับกิจนิมนต์ งูจะขู่ฟ่อใหญ่ทุกครั้ง ผลที่สุดงูนี้ก็กลับเข้าป่าไปอีก

—-

ต่อๆ

พึ่งนึกได้อีกอย่าง ตอนที่เกิดซึนามิ ตอนนั้นหลวงปู่ท่านอยู่ปีนัง ท่านได้บอกบรรดาลูกศิษย์ และโล๊กเซี่ยว่า พรุ่งนี้ห้ามออกไปทะเล ไปชายหาดนะ จะเกิดมีคลื่นใหญ่ แล้วก็บอกต่อๆ กัน แต่เหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อเลย คืนนั้นหลวงปู่บอกบรรดาลูกศิษย์ให้มานั่งสมาธิ เพื่อช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา พอวันรุ่งขึ้นมีข่าวซึนามิจริงๆ ที่ปีนังมีคนตายเยอะเหมือนกัน เป็นจุดที่ซึนามิเข้าจุดเดียวของมาเลเซีย แต่ในข่าวเราไม่ค่อยได้ยินว่า ที่ปีนังมีความเสียหายมากพอควร (วันนั้นข้าพเจ้าอยู่ที่ถ้ำวัวแดง ไปตามหาหลวงพ่อดิเรก เพื่อจัดการเรื่องบวชให้พ่อ) วันที่ข้าพเจ้ากลับมาทำงาน โล๊กเซี่ยโทรมาหาด้วยความตื่นเต้นมาก ถามว่าข้าพเจ้าสบายดีเหร๋อ แล้วเล่าเรื่องหลวงปู่เตือนพวกเราก่อนหน้าเกิดเหตุ โล๊กเซี่ยยังบอกอีกว่า หลวงปู่บอกว่า ดีที่เกิดขึ้นวันพระพอดี ยังบรรเทาความแรงไปได้บ้าง

เมื่อเร็วๆ นี้ วันที่ข้าพเจ้าไปกราบหลวงปู่ (ไปกับโล๊กเซี่ย เบญจ์กับครอบครัว) พวกเราได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่ เลยเรียนถามหลวงปู่ ว่า ได้ยินข่าวมาว่า มีคนพยากรณ์ว่า จะมีสงครามใหญ่เร็วๆนี้ใช่ไหมคะ หลวงปู่ท่านบอกว่า มันเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ท่านบอกว่า คนเราไม่มีการให้อภัยกันมันก็จะเป็นอย่างนี้ แล้วข้าพเจ้าถามหลวงปู่ต่อว่า หลวงปู่เคยมีคนบอกว่าจะมีภัยธรรมชาติครั้งใหญ่แผ่นดินโลกจะหายไปด้วย จะจริงป่าวอ่ะคะ หลวงปู่บอกว่า จริง ข้าพเจ้าบอกว่า อย่างนี้ก็ตายสิ หลวงปู่บอกว่า ก็มันเป็นภัยธรรมชาติยากที่จะหลีกเลี่ยง หลวงปู่จึงบอกว่าให้รีบทำความเพียรไง มีสติตลอด อะไรจะเกิดขึ้น เลยถามหลวงปู่ว่า เอ่ แล้วภัยธรรมชาติที่จะเกิดเร็วๆ นี้จะมีไหม ท่านตอบว่า ระวังอัคคีภัย วาตะภัย อุทกภัย อหิวาตกโรค ให้ดีนะ

แล้วข้าพเจ้าก็จะถามท่านเรื่องที่เพื่อนๆ ฝากมาถามอีก หลวงปู่ดุข้าพเจ้าว่า ไอ้เราหน่ะอยากรู้แต่เรื่องนอกตัว เรื่องในตัวไม่อยากรู้ หลวงปู่ไม่อยากตอบแล้ว ข้าพเจ้าก็เรียนท่านว่า เพื่อนๆ ฝากถามมา ท่านบอกว่า อือ อยากรู้แต่เรื่องของคนอื่น เรื่องในตัวไม่สน. ข้าพเจ้าเลยจ๋อยไปสักพัก แล้วก็มาถามท่านเรื่องภาวนา หลวงปู่ท่านยิ้ม แล้วตอบว่า อือ ถามอย่างนี้ค่อยน่าตอบหน่อย ปฏิบัติไปเข้า มีปัญหาอะไร ถามได้

——-(ติดตามตอนต่อไป)


อิอิ เดี๋ยวมาเล่าต่อ